ทำไมการสร้างบ้าน งบจึงบานปลาย คำถามและปัญหายอดฮิตที่เราได้ยินมาโดยตลอด วันนี้มาดูกันว่า เพราะอะไรทำไมจึงเกิดปัญหานี้ สาเหตุคืออะไร มีวิธีป้องกันอย่างไร และจะเลือกสร้างกับ บริษัทรับสร้างบ้าน หรือ จ้างช่างรับเหมาดี
ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า การสร้างบ้านนั้นจะมีช่วงระยะเวลาในการทำงาน 3 ขั้นตอนหลักๆ คือ
วัสดุที่ใช้ไม่ว่าจะเป็น วัสดุปูพื้น, วัสดุตกแต่งผนัง, สีทาบ้าน, สุขภัณฑ์, ซึ่งขั้นตอนนี้เจ้าของบ้านมักจะเปลี่ยนใจไปมา วัสดุบางอย่างราคาต่อชิ้นอาจจะเพิ่มขึ้นมาไม่กี่บาท ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่เมื่อรวมหลายๆรายการกว่าจะรู้ตัวอีกทีงบประมาณก็บานปลายไปมากแล้ว
อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้งบประมาณมักจะบานปลาย นอกเหนือจากการเลือกผู้รับเหมาที่ไม่เป็นมืออาชีพ ทิ้งงานกลางทาง ทำให้งบเกิดการบานปลาย จากการหาผู้มารับเหมาช่วงต่อแล้ว นั่นก็คือเรื่องความไม่ชัดเจนในความต้องการเช่น การตกลงเรื่องแบบบ้าน,พื้นที่ใช้สอย หรือวัสดุก่อสร้าง
จากที่เคยตกลงไว้กับผู้รับเหมาหรือบริษัทรับสร้างบ้าน แต่พอสร้างจริงแล้วเจ้าของบ้านมาเห็นรู้สึกว่าไม่เป็นไปตามที่ต้องการก็จะทำการเปลี่ยนแปลง ซึ่งแน่นอนการเปลี่ยนใจมักจะเกิดขึ้นโดยที่เจ้าของบ้านมักจะยอมจ่าย“แพงขึ้น” เพื่อความพึงพอใจของตนอยู่เสมอๆ
เจ้าของบ้านและสมาชิกในครอบครัวต้องชัดเจน ทั้งเรื่องรูปแบบ วัสดุก่อสร้างและตกแต่ง รวมถึงงบประมาณที่สามารถจ่ายได้ ซึ่งการกำหนดงบประมาณ มี 3 ส่วน คือ
เพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหาระหว่างการทำงาน และไม่ให้เป็นการเสียเวลามาแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือเปลี่ยนใจ ในขณะการก่อสร้าง ซึ่งจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และงบบานปลายในที่สุด
ควรมีการตกลงหรือระบุเรื่องต่างๆ ให้ครบถ้วนและชัดเจนตั้งแต่ ราคาบ้าน แบบบ้าน วัสดุก่อสร้างที่ใช้ ระยะเวลาแล้วเสร็จ ซึ่งเจ้าของบ้านและผู้รับเหมาหรือบริษัทรับสร้างบ้าน ต้องมีการตกลงแก้ไขทุกอย่างให้เสร็จสิ้นในสัญญาก่อนการก่อสร้างจริง
เมื่อถึงเวลาเลือกวัสดุฯ เจ้าของบ้านควรจะไปเลือกวัสดุให้ทันเวลากับที่หน้างานจะต้องใช้ เพื่อให้งานไม่สะดุดและเดินไปตามแผนที่กำหนดไว้
แต่ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงจริงๆ ควรจะปรึกษาผู้รู้ก่อน เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นคุ้มค่าที่จะทำหรือไม่ ไม่ควรคล้อยตามพนักงานขายเพราะอาจจะเป็นการจ่ายเงินเพิ่มโดยไม่จำเป็น
ทั้งนี้การสร้างบ้านของแต่ละท่านนั้นก็มีความพึงพอใจและงบประมาณที่แตกต่างกัน การที่จะควบคุมงบประมาณไม่ให้บานปลายที่สำคัญที่สุดคือเจ้าของบ้านต้องชัดเจนในความต้องการตั้งแต่ต้น
เลือกสิ่งที่ดีและคุ้มค่าให้ตนเอง เพราะถึงอย่างไรความพึงพอใจกับบ้านของตนก็สำคัญที่สุด แต่หากความพอใจที่ไม่สิ้นสุด ปัญหางบประมาณบานปลายย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ความฝันของใครหลายๆคนคงอยากมีบ้านเป็นของตัวเองสักหลัง การสร้างบ้านให้ออกมาดีตามแบบที่เราต้องการ มีมาตรฐาน คือสิ่งสำคัญที่สุด แต่จะสร้างบ้านไม่ใช่เรื่องง่าย ไหนจะเรื่องวัสดุการก่อสร้าง แบบบ้าน หรือผู้รับเหมา และเรื่องอื่นๆอีกมากมาย
ผู้รับเหมาสร้างบ้านหรือบริษัทรับออกแบบบ้าน ควรเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถด้านงานก่อสร้างทำงานได้อย่างถูกต้อง แม่นยำเพราะความผิดพลาดในงานก่อสร้างนั้นนำไปสู่ความเสียหายทั้งเงินและเวลากลยุทธ์การคัดเลือกผู้รับเหมาคือการทำในสิ่งที่จะเป็นการป้องกันปัญหาต่างๆ
ในปัจจุบันมีบริษัทรับสร้างบ้านเกิดขึ้นจำนวนไม่น้อย ทำให้เรามีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะสร้างบ้านด้วยตัวเอง หรือจะให้ บริษัทรับสร้างบ้าน ที่เป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอน วันนี้เราจะมาพูดถึงข้อแตกต่างของการสร้างบ้านในทั้งสองรูปแบบนี้ว่าแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร
สนใจสร้างบ้านกับเรา > รับสร้างบ้าน
คือ การที่เราไปหาผู้รับเหมาก่อสร้างเข้ามาดูแลตั้งแต่ขั้นตอนแรก ไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการสร้างบ้านที่หลายคนนิยม เพราะราคาที่ไม่สูง แถมยังสามารถกำหนดวัสดุที่ต้องการได้แบบที่ตัวเองถูกใจ
แต่การสร้างบ้านด้วยตัวเองนั้นต้องอาศัยความรู้ด้านการก่อสร้างพอสมควร ควรศึกษารายละเอียดวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างต่างให้ถี่ถ้วน เพื่อป้องกันการโกงของผู้รับเหมาด้วยเช่นกัน
สิ่งที่ต้องระวังในการจ้างผู้รับเหมาคือมีโอกาสเสี่ยงในการถูกทิ้งงานค่อนข้างสูง เนื่องจากไม่มีสัญญาอย่างชัดเจน รวมถึงวัสดุอุปกรณ์และช่างที่นำมาสร้างอาจจะไม่ได้มาตรฐาน จนทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้ในระหว่างการก่อสร้างและหลังสร้างเสร็จ
อีกหนึ่งตัวเลือกที่เป็นนิยมคือ “การจ้าง บริษัทรับสร้างบ้าน” เข้ามาดูแลและดำเนินการทุกขั้นตอนจนบ้านเสร็จสิ้น เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เราสามารถไว้ใจและเชื่อมั่นได้อย่างเต็มที่ เพราะมีการเซ็นสัญญารายละเอียดข้อตกลงต่างๆที่ยอมรับได้ทั้ง 2 ฝ่าย เป็นลายลักษณ์ ทำให้การทิ้งงานนั้นเกิดได้ยากขึ้น
รวมถึงบ้านถูกการออกแบบด้วยสถาปนิกได้โดยตรง และควบคุมงานด้วยวิศวกรเพื่อที่จะได้บ้านตามที่คุณต้องการ ยิ่งกว่านั้นโครงสร้างและวัสดุทุกชิ้นที่นำมาสร้างบ้าน เป็นวัสดุที่ได้มาตรฐานอย่างแน่นอน ที่สำคัญยังมีการรับประกันหลังสร้างบ้านเสร็จ
ในส่วนงบประมาณจะเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ จึงวางใจได้ว่า บ้านที่สร้างจะเสร็จตามกำหนด งบไม่บานปลายแน่นอน
บริษัท บ้านไทยโฮม โกลด์ เราอยู่ใน สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน
เรื่องชวนปวดหัวของการสร้างบ้าน เป็นปัญหาที่นำมาสู่ความสูญเสีย เสียทั้งเวลา เสียทั้งเงิน เสียกำลังใจ และมักจะเห็นคนตั้งกระทู้ระบายปัญหาเกี่ยวกับผู้เหมาอยู่ตลอดๆ ถ้าไม่เชื่อลองค้นหาใน google ดู ก็จะพบว่าคนเจอปัญหานี้เยอะเหลือเกิน
เจ้าของบ้านที่โชคดีก็มีไม่น้อย แต่เจ้าของบ้านที่เจอปัญหานี้ก็น่าเห็นใจ วันนี้เรามาดูกันว่า สาเหตุหลักๆ มักเกิดจากอะไร ซึ่งบางครั้งปัญหาก็อาจจะมาจากตัวเราเอง
1. เลือกผู้รับเหมาที่เสนอราคาต่ำที่สุด
เจ้าของบ้านที่ตีราคาบ้านไม่เป็น มักจะเลือกจ้างผู้รับเหมารายที่เสนอราคาที่ต่ำที่สุด ไปๆมาๆผู้รับเหมาสู่สภาวะขาดทุน ได้ไม่คุ้มเสียเลยทิ้งงาน
เจ้าของบ้านควรเปรียบเทียบราคาหลายๆราย เพื่อดูราคากลางที่สมเหตุสมผล เมื่อเปรียบเทียบแล้ว ไม่ควรเลือกจากราคาที่ต่ำจนเกินไป หรือควรให้ผู้รับเหมาชี้แจงรายละเอียดแล้วพิจารณา ความสมเหตุสมผลในเนื้องาน
ในกรณีที่ไม่อยากเทียบหลายเจ้า เจ้าของบ้านควรจะเจรจากับผู้รับเหมาได้ในเรื่องของการทำราคาการก่อสร้าง การใช้วัสดุก่อสร้างทดแทน แต่ราคาย่อมเยาว์กว่า แล้วนำมาเปรียบเทียบกับครั้งแรก ก็จะสามารถต่อรองในเรื่องของราคาได้
2. ไม่ได้ตรวจสอบประวัติผู้รับเหมา
ควรเช็คเครดิตผู้รับเหมา หรือ บริษัทรับสร้างบ้าน ให้มั่นใจก่อนทำสัญญาจ้าง แนะนำว่าควรเลือกผู้รับเหมาที่ได้รับการแนะนำการคนรู้จักที่วางใจได้ และเป็นผู้รับเหมาที่มีผลงานก่อสร้างอยู่จริง มีประวัติผลงานที่สามารถตรวจสอบจากเจ้าของบ้านที่เป็นลูกค้าก่อนหน้านี้
3. ในสัญญาว่าจ้าง ไม่ได้มีมาตรการป้องกันการทิ้งงานที่ดีพอ
เจ้าของบ้านไม่มีที่ปรึกษาที่มีความรู้มากพอ คอยให้คำปรึกษาก่อนเซ็นต์สัญญาว่าจ้าง แต่โดยระบบที่วางไว้คือ ควรจะต้องมีคนคุมงาน อย่าง วิศวกรสถาปนิก คนเหล่านี้เรียนมาโดยเฉพาะทาง มีความรู้ คอยควบคุมแรงงานให้ทำตามแบบ ตามสเป็ค ตามข้อตกลงกับผู้ว่าจ้างได้
การทำสัญญาควรทำให้ละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรไม่ควรใช้เพียงแค่คำพูดในการสั่งงาน เพราะถ้าหากทำมาผิดจากที่ตกลงกันก็จะมีหลักฐานไว้สำหรับยืนยันกับผู้รับเหมาได้
หรือในกรณีที่เจ้าของบ้านเลือกใช้ ผู้รับเหมาสไตล์บ้านๆ (Local Contractor) การคุยงาน หรือ การปรับเปลี่ยนหน้างานนั้น ควรเจรจากับผู้รับเหมาที่ควบคุมงานโดยตรง และเจ้าของบ้านคนใดคนหนึ่ง ควรเป็นคนตัดสินใจ เป็นCenter ในการประสานงานกับผู้รับเหมา เพื่อป้องกันปัญหาการสั่งงานซ้ำซ้อน ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้
4.ผู้รับเหมาบริหารจัดการงานไม่ดี
ปกติเงินงวดแรกจะจ่ายประมาณ 30% หรือจ่ายค่ามัดจำก่อนเริ่มงาน 10% ของค่าก่อสร้างทั้งหมดจากสัญญาว่าจ้างรวมค่าวัสดุก่อสร้าง ซึ่งผู้รับเหมาบางรายนั้นอาจจะวางเครดิตกับทางร้านวัสดุก่อสร้างไว้ ซึ่งเจ้าของบ้านสามารถตรวจสอบกับร้านค้าวัสดุ ว่าผู้รับเหมารายนั้นจ่ายเงินสดหรือเงินเชื่อค้างไว้ ถ้ามีเจตนาที่ไม่ดีทางร้านค้าวัสดุสามารถเป็นหูเป็นตาได้อีกทางหนึ่ง
ปัญหานี้ป้องกันได้โดย
ควรทำบัญชีแสดงปริมาณวัสดุ B.O.Q. (Bill of Quantities) ปริมาณ ราคา แบรนด์สินค้าที่จะสั่งเข้ามาให้ชัดเจนถูกต้องตามแบบที่ต้องการ การจ่ายเงินให้แก่ผู้รับเหมาควรแบ่งจ่ายออกเป็นหลายๆงวด
ในสัญญาควรมีแผนการจ่ายเงินที่ชัดเจนว่างานผ่านไปกี่เปอร์เซ็นต์จะจ่ายอย่างไร เพื่อไม่ให้ถกเถียงกันตอนหลัง และควรทำเป็นลายลักษณ์อักษรให้รับทราบทั้งสองฝ่ายด้วย
5. ปัญหาขาดแคลนคนงาน
ผู้รับเหมาที่ดีก็ต้องมีลูกน้อง ลูกมือ ครบทุกประเภทงาน ทีมงานครบครัน ถึงแม้จะเป็นแรงงานต่างชาติบ้างแต่ก็ดีกว่าขาดแคลนคนงานซึ่งอาจจะส่งผลให้บ้านเสร็จไม่ทันกำหนดการ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลและฤดูทำนา
6. ผู้รับเหมาเจอปัญหาไม่คาดคิดระหว่างก่อสร้าง
มักเกิดจากเคสงานซ่อมแซม รีโนเวท ให้มาแก้ปัญหา แต่พอทำไปปัญหาใหญ่และรุนแรงกว่าที่คิด กลัวทำไปแล้วขาดทุนได้ไม่คุ้มเสีย เจ้าของบ้านกับผู้รับเหมาจึงควรต้องพูดคุยทำความเข้าใจและปรับเรื่องราคาให้เหมาะสม ถ้อยทีถ้อยอาศัย
7. ผู้รับเหมารับงานซ้อน
ขอแนะนำให้เลือกใช้ผู้รับเหมาที่อยู่ในพื้นที่ เพราะผู้รับเหมาสามารถลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและประสิทธิภาพในการหมุนเวียนทีมงานได้ดีขึ้น
จะเห็นได้ว่าการปลูกสร้างบ้านสักหลังหนึ่งจึงต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ ตั้งแต่การเลือกทำเลที่ตั้ง การเลือกแบบบ้าน การเลือกช่างผู้รับเหมาหรือบริษัทรับสร้างบ้านเหล่านี้เป็นต้น
ในปัจจุบันมีบริษัทรับสร้างบ้านอยู่มากมาย แต่การเลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นมืออาชีพจริงๆ จะช่วยให้ได้บ้านดังที่ตั้งใจและไม่ต้องมีปัญหาจุกจิกกวนใจ
ทั้งในระหว่างการก่อสร้างและหลังจากสร้างบ้านเสร็จแล้ว การเลือกบริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพ จึงควรพิจารณาในรายละเอียดต่างๆเป็นหัวข้อหลักๆดังต่อไปนี้
เนื่องจากการสร้างบ้านนั้นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเรื่องคุณภาพของการก่อสร้างจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งคุณภาพของการก่อสร้างจะดีได้ก็ต้องมีองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องครบถ้วนสมบูรณ์ อันได้แก่
ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน เจ้าของบ้านจึงควรศึกษาหาข้อมูลของบริษัทที่ท่านจะเลือกใช้บริการว่ามีทีมงานสถาปนิกและวิศวกรที่เชี่ยวชาญหรือไม่ และการเลือกใช้วัสดุในการก่อสร้างเป็นอย่างไร
บริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นมืออาชีพนั้น จะต้องมีทีมงานสถาปนิกและวิศวกรประจำพร้อมที่จะให้คำแนะนำกับเจ้าของบ้าน มีรายการวัสดุก่อสร้างแสดงไว้ครบถ้วน
มีขั้นตอนการทำงานและการควบคุมตรวจสอบอย่างไร ใช้วัสดุอะไร และที่สำคัญคือมีการรับประกันการก่อสร้างอย่างไร สิ่งเหล่านี้คือคุณสมบัติที่แสดงถึงความเป็นมืออาชีพของบริษัทรับสร้างบ้าน
โดยปกติบริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพที่มีทีมงานสถาปนิกและวิศวกรที่เชี่ยวชาญ จะมีแบบบ้านไว้ให้เจ้าของบ้านเลือกได้หลากหลายสไตล์
เจ้าของบ้านเพียงแต่มีความคิดเริ่มต้นว่าต้องการบ้านสไตล์ไหน พื้นที่ใช้สอยเท่าไหร่ ต้องการแบ่งพื้นที่ภายในอย่างไร เพียงเท่านี้สถาปนิกของบริษัทก็นำเสนอแบบบ้านให้ท่านได้เลือกได้ตามที่ท่านต้องการ
เมื่อเห็นแบบบ้านที่ตรงหรือใกล้เคียงกับที่คิดไว้ก็จะเลือกได้ง่ายขึ้น และอาจจะบอกสิ่งที่ต้องการเพิ่มขึ้นหรือลดลงบางส่วนของบ้านตามความต้องการของตนจากแบบแปลนได้ วิธีนี้จะช่วยให้เจ้าของบ้านและสถาปนิกของบริษัทมีความเข้าใจในสิ่งที่เจ้าของบ้านต้องการตรงกัน ทำให้การพูดคุยหรือการทำงานในขั้นตอนต่อไปง่ายขึ้นด้วย
ในกรณีที่เจ้าของบ้านไม่พอใจแบบที่บริษัทมีอยู่เลย ต้องการแบบใหม่ตามความต้องการของตนโดยเฉพาะ บริษัทรับสร้างบ้านก็พร้อมที่จะให้บริการในส่วนนี้อยู่แล้ว เพียงแต่เจ้าของบ้านให้รายละเอียดเรื่อง
สถาปนิกของบริษัทก็จะออกแบบบ้านตามที่ท่านต้องการ
อย่างไรก็ตามไม่ว่าเจ้าของบ้านจะเลือกแบบที่บริษัทมีอยู่แล้ว หรือให้บริษัทออกแบบใหม่ บริษัทรับสร้างบ้านต้องสนองความต้องการของจ้าของบ้าน โดยคำนึงถึงความพึงพอใจของเจ้าของบ้านเป็นสำคัญนี่คือข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการสร้างบ้านกับบริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพ
ผู้รับเหมารายย่อยสามารถสร้างบ้านได้ในราคาที่ต่ำกว่าบริษัทรับสร้างบ้านได้ก็จริง แต่มีความเสี่ยงเรื่องงบที่บานปลาย ส่วนบริษัทรับสร้างบ้านนั้นราคาบ้านจะคงที่ ณ วันเซ็นสัญญา ตกลงกันไว้เท่าไหร่ก็ราคาเท่านั้นจนกว่าบ้านจะเสร็จ
นอกจากจะมีการเปลี่ยนแปลงรายการในสัญญาก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงของราคาบ้าง แต่ก็เป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมาก
โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าในระยะเวลาที่มีการก่อสร้างนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างไร บริษัทรับสร้างบ้านก็ยังคงสร้างบ้านให้ท่านในราคาเท่าเดิม เจ้าของบ้านจึงไม่ต้องวิตกว่าราคาบ้านจะบานปลายตามสภาพความผันผวนทางเศรษฐกิจจนควบคุมไม่ได้
อีกอย่าง หากเจ้าของบ้านที่คิดจะประหยัดค่าใช้จ่าย โดยจ้างค่าแรงกับผู้รับเหมาแล้วจัดซื้อวัสดุเองอาจจะไม่สามารถควบคุมราคาค่าก่อสร้างได้ เพราะการสั่งซื้อวัสดุจะสั่งซื้อตามงวดงานไม่ได้สั่งไว้ทั้งหมดตั้งแต่ต้น
หากราคาวัสดุก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้นก็จะต้องซื้อในราคาที่เป็นปัจจุบัน ซึ่งตลอดระยะเวลาการก่อสร้างอาจจะมีการปรับเปลี่ยนราคาสูงขึ้น จึงส่งผลให้ราคาค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นจากที่คำนวณไว้ในตอนต้นได้
นอกจากนี้บริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพยังมีการรับประกันงานก่อสร้างตามระยะเวลาที่บริษัทกำหนด ซึ่งอาจจะมีระยะเวลาการรับประกันสูงถึง 20 ปี โดยจะมีการตรวจเยี่ยมเป็นระยะๆซึ่งเจ้าของบ้านจะมั่นใจได้ว่าหากมีปัญหาใดๆ บริษัทก็ยังให้บริการช่วยเหลือดูแล
เมื่อสร้างบ้านกับบริษัทรับสร้างบ้าน ท่านจะเห็นกำหนดการก่อสร้างตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ แสดงขั้นตอนการก่อสร้างว่าเริ่มงานเช่น งวดที่หนึ่งเมื่อไหร่และเสร็จการก่อสร้างงวดที่หนึ่งเมื่อไหร่
ท่านก็จะรู้ระยะเวลาการก่อสร้างของแต่ละงวดล่วงหน้า พร้อมกับวันกำหนดสร้างเสร็จ อาจจะมีสถานการณ์บางอย่างที่ไม่ได้คาดคิดล่วงหน้า ทำให้ระยะเวลาผิดเพี้ยนไปบ้างแต่ก็น้อยมาก เพราะบริษัทรับสร้างบ้านจะไม่ประสบปัญหากับช่างทิ้งงาน หาช่างไม่ได้ สั่งของไม่ได้ หรือปัญหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้เพราะบริษัทจะมีการวางแผนการก่อสร้างล่วงหน้า ตั้งแต่เริ่มเซ็นสัญญา โดยบริษัทจะต้องรักษาเวลาในการก่อสร้างบ้านแต่ละหลังอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้กระทบกับแผนการก่อสร้างหลังอื่นๆ หากบริษัทไม่สามารถควบคุมกำหนดการก่อสร้างให้เป็นไปตามกำหนดได้ ย่อมกระทบต่อการทำงานของบริษัททั้งระบบได้
นอกจากการหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าวแล้ว บริษัทรับสร้างบ้านถือเป็นความรับผิดชอบสำคัญที่ต้องทำการก่อสร้างให้ตรงเวลา เพราะต้องการให้เจ้าของบ้านสามารถวางแผนงานที่ต่อเนื่องหลังการรับมอบบ้าน เช่น
เพราะการแสดงความรับผิดชอบดังกล่าว ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะรักษาความน่าเชื่อถือของบริษัท ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญยิ่งอย่างหนึ่งในการดำเนินธุรกิจ การสร้างบ้านกับบริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพ จึงมั่นใจได้ว่าบ้านของท่านจะสร้างเสร็จตรงเวลา
ในส่วนของงานก่อสร้าง การใช้วัสดุจากธรรมชาติโดยเฉพาะไม้ เป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่ง บริษัทรับสร้างบ้านก็ตระหนักในความสำคัญของปัญหานี้ จึงได้พยายามลดการใช้ไม้ในการก่อสร้าง และใช้วัสดุทดแทน
เนื่องจากมีบริษัทรับสร้างบ้านเป็นจำนวนมาก ที่พร้อมใจกันใช้วัสดุทดแทนไม้ในการก่อสร้าง ในฐานะบริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพ จึงมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง ของการร่วมกันแก้ไขปัญหาสภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าบริษัทจะเป็นองค์กรประเภทแสวงหากำไรแต่ก็ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
หลายคนที่ฝันอยากมีบ้านสักหลัง ย่อมต้องการความคุ้มค่า ต้องการบ้านที่สวย ทนทาน สมราคา และที่สำคัญต้องเป็นผลงานจากบริษัทรับออกแบบบ้านและสร้างบ้านมือาชีพ คำว่า มืออาชีพ ต้องมีผลงานที่ถูกสร้างจากบริษัทจริงๆ ไม่ใช่เอารูปภาพจากของบริษัทอื่นมาเป็ผลนงานของตนเอง ควรมีหลักแหล่งชัดเจนน่าเชื่อถือ ถูกกฏหมาย มีการรับประกันผลงาน การเรียกซ่อมแซม
วัสดุสมราคา ประเด็นหนึ่ง ทีท่านไม่ควรมองข้ามคือวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง อย่ามองข้าม ท่านต้องใช้ความละเอียดถื่ถ้วนในการตรวจสอบรายการ วัสดุมาตรฐาน เป็นไปได้ให้ขอดูของจริงก่อนตกลงทำสัญญา
มีช่องทางให้เราตรวจสอบสถานะการทำงานอยู่ตลอดระยะเวลาก่อสร้าง บ้านที่ถูกสร้างในพื้นที่ของเราย่อมมีสิทธิ์อันชอบธรรม ในการตรวจสอบการสถานะการทำงานเป็นระยะๆ
สัญญารับสร้างบ้านที่ดี ต้องเปิดโอกาสให้เราเข้าไปตรวจสอบความคืบหน้าได้ และมีการแจ้งความคืบ หน้าแบบลายลักษ์อักษรต่อเจ้าของบ้าน
กรณีที่ 1 ลูกค้าคุยกับสถาปนิกเพื่อกำหนดรูปแบบ และ function ของบ้าน เพื่อทำ design proposal เมื่อได้รับอนุมัติแบบ proposal แล้ว บริษัทจะทำสัญญาออกแบบและก่อสร้างเพื่อถือเป็นการเริ่มงานอย่างเป็นทางการ เมื่อแบบแล้วเสร็จและได้รับอนุมัติ
บริษัทจะนำเสนอราคาและวัสดุที่ถูกระบุตามแบบครบถ้วน พร้อมทั้งนำเสนองวดงานการก่อสร้างที่กำหนดวันที่เริ่มต้นจนแล้วเสร็จให้กับลูกค้า หลังจากการอนุมัติ บริษัทจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างตามแผนของงวดงานที่ได้นำเสนอไป
กรณีที่ 2 หากลูกค้ามีแบบแล้วบริษัทจะทำการคิดราคาค่าก่อสร้างให้จากแบบของลูกค้า หลังจากการตกลงเรื่องราคาค่าก่อสร้าง บริษัทจะจัดทำสัญญาการก่อสร้างพร้อมกับงวดงานก่อสร้าง ดังเช่นในกรณีที่ 1
หากลูกค้าเริ่มต้นตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ สถาปนิกจะช่วยควบคุมราคางบประมาณโครงการให้โดยออกแบบให้สอดคล้องกับราคาที่ได้รับแจ้ง
ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วมักจะนำงวดงานในส่วนของโครงหลังคาและมุงหลังคาให้เสร็จก่อนในช่วงต้น เพื่อทำให้สามารถดำเนินงานอื่นๆ เช่น งานก่อฉาบ งานปูกระเบื้อง และงานทาสีให้แล้วเสร็จภายใต้พื้นที่หลังคา
โดยถ้าเป็นบ้านน็อคดาวน์จะใช้เวลา 1-2 เดือนแล้วแต่ขนาดของตัวบ้าน ในขณะที่บ้านปูนจะใช้เวลา 8 เดือนขึ้นไป ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เบื้องต้น